วิธีการดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้า กันไฟเกิน ไฟตก ช่วยยืดอายุการใช้งาน
- siamchai service
 - 18 ส.ค.
 - ยาว 2 นาที
 

เครื่องใช้ไฟฟ้าถือเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับปัจจุบันนี้ เพราะเครื่องใช้ไฟฟ้านี้ช่วยให้ชีวิตมีความสะดวกสบายมากขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ที่บ้าน คอนโดหรือหอพัก ฉะนั้น เครื่องใช้ไฟไฟฟ้าต่างๆ จะต้องได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี เพื่อให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน มาดูวิธีการดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ อย่างถูกต้องกันได้ในบทความนี้เลย

การดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้า คืออะไร
การดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้า คือ การทนุถนอมหรือการใช้อย่างระมัดระวัง เพื่อให้เครื่องใช้ไฟฟ้ามีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ซึ่งรวมถึงการทำความสะอาดด้วย ทั้งนี้การดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึงและควรทำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เก่าแล้ว หรือเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เพิ่งซื้อมาใหม่ เพื่อประสิทธิภาพการทำงานที่ดีของเครื่องใช้ไฟฟ้า
ความสำคัญในการดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้า
การดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้า ไม่เพียงแต่จะช่วยให้เครื่องใช้ไฟฟ้ามีความพร้อมในการใช้งานอยู่เสมอและยืดอายุการใช้งานเท่านั้น แต่ยังเป็นการป้องกันอันตรายที่จะเกิดจากระบบไฟฟ้าที่สามารถเกิดขึ้นทุกช่วงเวลา รวมถึงยังทำให้การใช้เครื่องใช้ไฟฟ้ามีความปลอดภัยมากขึ้นด้วย

วิธีการดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน
เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ มักมีอายุการใช้งานและวิธีการดูแลรักษาที่แตกต่างกันไป ซึ่งควรหมั่นสังเกตอาการผิดปกติอย่างสม่ำเสมอ มาดูกันว่าการดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านแต่ละชนิด มีวิธีการดูแลอย่างไร ดังนี้
ตู้เย็น ตู้แช่แข็ง
ตู้เย็นหรือตู้แช่แข็ง คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ความเย็น เพื่อเก็บรักษาอาหาร วัตถุดิบต่างๆ มีอายุการใช้งานประมาณ 15 ปี ซึ่งมีวิธีการดูแลรักษา ดังนี้
ไม่นำของที่กำลังร้อนอยู่ใส่ตู้เย็นทันที ควรวางทิ้งไว้ข้างนอกเพื่อรอให้หายร้อนก่อน
หลังจากเปิดตู้เย็นหรือตู้แช่แล้ว ควรปิดให้สนิททุกครั้ง
ควรตั้งอุณหภูมิให้เหมาะสมกับของในตู้เย็นและตู้แช่
ไม่ควรแช่ของเยอะจนเกินไป ให้เลือกเก็บเฉพาะวัตถุดิบหรืออาหารที่จำเป็นเท่านั้น
หากยางขอบประตูตู้เย็นหรือตู้แช่ชำรุด ให้รีบแก้ไขทันที
ทำความสะอาดในส่วนของแผงระบายความร้อนบ่อยๆ
ตำแหน่งที่ตั้งของตู้เย็นและตู้แช่ ควรอยู่ในตำแหน่งที่สามารถระบายความร้อนได้ดี
เตารีดไฟฟ้า
เตารีดไฟฟ้า คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าแบบให้ความร้อน ใช้สำหรับในการรีดเสื้อผ้าให้มีความเรียบ มีอายุการใช้งานประมาณ 9 ปี ซึ่งมีวิธีการดูแลรักษา ดังนี้
ไม่ควรเสียบปลั๊กทิ้งไว้ หากใช้งานเสร็จแล้วให้ถอดปลั๊กทันที
ในระหว่างรีดผ้า ควรปรับความร้อนของเตารีดให้เหมาะกับชนิดของผ้า
ควรพรมน้ำบนผ้าแต่พอดี อย่าพรมจนเปียกเกินไป
เนื่องจากเตารีดนั้นเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟสูง ควรรีดผ้าครั้งละหลายๆ ตัว เพื่อให้ประหยัดไฟ
หมั่นตรวจสอบเตารีดก่อนใช้งานทุกครั้ง ว่ามีตรงไหนชำรุดหรือไม่

เครื่องซักผ้า
เครื่องซักผ้า คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้สำหรับการทำความสะอาดของเสื้อผ้าต่างๆ มีอายุการใช้งานประมาณ 10 ปี ซึ่งมีวิธีการดูแลรักษา ดังนี้
เลือกอุณภูมิของน้ำให้เหมาะสมกับชนิดของเสื้อผ้า
ไม่ควรใส่เสื้อผ้าลงในเครื่องซักผ้าเยอะเกินไป
หมั่นสังเกตสายยางระบายน้ำอยู่เสมอว่ามีการชำรุดหรือไม่
หม้อหุงข้าวไฟฟ้า
หม้อหุงข้าวไฟฟ้า คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ความร้อน จนข้าวสุก มีอายุการใช้งานประมาณ 10 ปี ซึ่งมีวิธีการดูแลรักษา ดังนี้
ไม่ควรหุงข้าวเยอะเกินไป ควรหุงให้พอดีกับจำนวนของผู้ที่จะรับประทาน
ถอดปลั๊กทุกครั้ง หลังหุงข้าวสุกแล้ว
อย่าปล่อยให้ก้นหม้อไหม้จนมีสีดำ
ในระหว่างหุงข้าว ควรปิดฝาหม้อให้สนิท
หมั่นตรวจสอบบริเวณแท่นความร้อนในหม้ออยู่เสมอ
หลอดไฟส่องสว่าง
หลอดไฟส่องสว่าง คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทำให้เกิดความสว่าง มีอายุการใช้งานประมาณ 4 – 6 ปี โดยขึ้นอยู่กับชนิดของหลอดไฟด้วย ซึ่งมีวิธีการดูแลรักษา ดังนี้
ปิดไฟทุกครั้ง เมื่อไม่ได้ใช้งาน
เลือกหลอดไฟที่มีกำลังวัตต์ที่เหมาะสม
หากพบว่าหลอดไฟมีความสว่างน้อยลง ให้ตรวจเช็กและเปลี่ยนทันที
เลือกใช้หลอดไฟให้เหมาะสมกับบริเวณต่างๆ ภายในบ้าน เช่น ติดตั้งหลอดไฟไอโซเดียม บริเวณนอกบ้าน

พัดลม
พัดลม คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทำงานด้วยมอเตอร์ เพื่อให้ใบพัดหมุนและมีลมออกมา มีอายุการใช้งานประมาณ 15 ปี ซึ่งมีวิธีการดูแลรักษา ดังนี้
ปิดทุกครั้งเมื่อไม่ได้ใช้งาน หรือเปิดเฉพาะเวลาที่ใช้งานเท่านั้น
หากมีฝุ่นเกาะอย่างหนาแน่น ให้ทำความสะอาด
หลังจากที่แกะพัดลมออกมาทำความสะอาดแล้ว ให้ประกอบส่วนที่แกะออกมาให้เหมือนเดิม โดยล็อกให้แน่นครบทุกจุด
เครื่องทำน้ำอุ่น
เครื่องทำน้ำอุ่น คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทำงานคู่กับฝักบัว ที่จะเปลี่ยนให้น้ำเย็นเป็นน้ำอุ่น มีอายุการใช้งานประมาณ 10 – 11 ปี ซึ่งมีวิธีการดูแลรักษา ดังนี้
ก่อนใช้งาน ให้อ่านคู่มือและปฏิบัติตามคำแนะนำในคู่มือที่แนบมากับเครื่องทำน้ำอุ่น
การติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่น ควรต่อสายลงดินด้วย
หากพบว่ามีความผิดปกติบนตัวเครื่อง เช่น รอยรั่ว ให้หยุดใช้งานก่อน แล้วรีบแก้ไขทันที
หลังจากใช้งานเสร็จแล้ว ให้ปิดก๊อกน้ำทุกครั้ง
ควรปรับขนาดความร้อนให้พอเหมาะกับที่ร่างกายรับไหว ไม่ควรปรับจนร้อนเกินไป
ปิดสวิตช์บนตัวเครื่องทุกครั้ง เมื่อไม่ได้ใช้เครื่องทำน้ำอุ่น
เครื่องปรับอากาศ
เครื่องปรับอากาศ หรือที่เรียกว่าแอร์ คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่สามารถปรับอุณหภูมิให้เย็นตามต้องการได้ มีอายุการใช้งานสูงสุดถึง 15 ปี ซึ่งมีวิธีการดูแลรักษา ดังนี้
ขณะเปิดใช้งาน ให้ปิดประตู หน้าต่างให้สนิท เพื่อกันความร้อนจากภายนอกเข้ามา
ควรปิดทุกครั้ง เมื่อไม่ได้ใช้งาน
เลือกติดตั้งเครื่องปรับอากาศที่มีคุณภาพ
ให้ทำความสะอาดแผงระบายความร้อนและแผ่นกรองอากาศบ่อยๆ
ควรเลือกติดตั้งเครื่องปรับอากาศที่มีขนาดพอดี พอเหมาะกับห้อง

เตาอบไฟฟ้า ไมโครเวฟ
เตาอบไฟฟ้าหรือไมโครเวฟ คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ความร้อนแก่อาหาร เพื่อให้อาหารสุกหรือเป็นการถนอมอาหารไว้ มีอายุการใช้งานประมาณ 7 ปี ซึ่งมีวิธีการดูแลรักษา ดังนี้
ในขณะที่เครื่องกำลังทำงาน ไม่ควรเปิดฝาตู้ดูบ่อยๆ
ก่อนเปิดเครื่องให้ทำงาน ให้ปิดฝาภาชนะให้สนิททุกครั้ง
ถอดปลั๊กออกทันที เมื่อไม่ได้ใช้งาน
เลือกใช้ภาชนะที่ทนความร้อนได้ดี ก่อนที่จะนำไปใส่เตาอบไฟฟ้าหรือไมโครเวฟ
ควรเลือกเตาอบไฟฟ้าหรือไมโครเวฟที่มีคุณภาพดี มีความปลอดภัย
เครื่องสูบน้ำ
เครื่องสูบน้ำ คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่สามารถเคลื่อนย้ายของเหลวจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง มีอายุการใช้งานประมาณ 8 ปี ซึ่งมีวิธีการดูแลรักษา ดังนี้
ควรติดตั้งถังเก็บน้ำในบริเวณที่ไม่สูงเกินไป
ให้ติดตั้งอุปกรณ์อัตโนมัติในการควบคุมระดับน้ำ หากไม่ได้ติดตั้งอุปกรณ์ต้องคอยดูระดับน้ำ เพื่อไม่ให้น้ำล้นถังออกมา
ตรวจสอบจุดรั่วก่อนใช้งานทุกครั้ง
หากติดตั้งเครื่องสูบน้ำแบบมีสายพาน ต้องดูแลไม่ให้สายพานหย่อนหรือตึงเกินไป

ความสำคัญในการดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้า
นอกจากการดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อป้องกันการชำรุดและเพื่อให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานแล้ว ยังสามารถป้องกันความเสี่ยงไม่ให้เครื่องใช้ไฟฟ้าเสียหายด้วยวิธีที่หลากหลาย ดังนี้
1. ตรวจสอบสายไฟ และปลั๊กไฟภายในบ้านอย่างสม่ำเสมอ
การตรวจสอบสายไฟและปลั๊กไฟภายในบ้านอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานก่อนที่จะใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นการดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างหนึ่ง เพื่อความปลอดภัยจากอันตรายที่จะเกิดจากไฟช็อตได้ หากสังเกตแล้วพบว่ามีความผิดปกติบริเวณสายไฟหรือปลั๊กไฟ เช่น มีรอยขาด รอยรั่ว หรือเสียบปลั๊กไปแล้วมีเสียง หรือมีกลิ่นไหม้ใดๆ ให้หยุดใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าก่อน และรีบซ่อมแซมแก้ไขโดยด่วน
2. หลีกเลี่ยงการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่มีมาตรฐาน มอก.
เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีมาตรฐาน มอก. คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีเครื่องหมายแสดงคุณภาพของเครื่องใช้ไฟฟ้านั้นๆ ซึ่งก่อนจะเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า ให้ตรวจสอบดูว่ามีเครื่องหมายตามมาตรฐาน มอก. หรือไม่ เพราะเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีมาตรฐาน มอก. จะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีความปลอดภัย มีคุณภาพที่ดี ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่มีมาตรฐาน มอก. เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในภายหน้า เช่น ไม่มีประสิทธิภาพในการทำงาน เครื่องใช้ไฟฟ้าชำรุดง่าย
3. ลดความเสี่ยงจากอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ชำรุด ป้องกันไฟดูด ไฟช็อต
การลดความเสี่ยงจากอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ชำรุด เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดจากระบบไฟฟ้าที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา สามารถทำได้ง่ายๆ โดยการหมั่นตรวจสอบความผิดปกติของตัวเครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่เสมอ เช่น ตัวเครื่อง สายไฟ หากพบว่ามีการชำรุด ห้ามใช้งาน และรีบแก้ไขซ่อมแซมโดยด่วน
4. ป้องกันไฟตก ไฟกระชาก ด้วยอุปกรณ์ป้องกันไฟกระชาก
สำหรับอาการไฟตก ไฟกระชาก ซึ่งเกิดในช่วงเวลาหนึ่งอย่างรวดเร็ว ที่อาจสร้างความเสียหายต่ออุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่กำลังทำงานอยู่ โดยสาเหตุของการเกิดไฟตก ไฟกระชากอาจมาจากฟ้าผ่า หรือระบบไฟฟ้าไม่ได้มาตรฐาน หรือไฟฟ้าลัดวงจร มีการใช้เครื่องไฟฟ้าที่กินไฟในปริมาณมากพร้อมกัน ซึ่งการติดตั้งตัวกันไฟตก จะเป็นอุปกรณ์ช่วยลดแรงดันไฟฟ้าและช่วยกันไฟเกิน เช่น กันไฟกระชากตู้เย็น สำหรับใครที่อยากการติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันไฟตก ไฟกระชาก ที่ Chuphotic มี อุปกรณ์ป้องกันไฟกระชาก ที่สามารถป้องกันไฟตก ไฟกระชากได้อย่างมีประสิทธิภาพ ป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับเครื่องใช้ไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี
5. เปิด-ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าให้เหมาะสมกับการใช้งาน
สำหรับการเปิด-ปิด บนเครื่องใช้ไฟฟ้าให้เหมาะสมกับการใช้งาน ไม่ได้เพียงแต่จะช่วยให้ประหยัดไฟเพียงเท่านั้น แต่ยังเป็นวิธีการดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างหนึ่ง ที่จะช่วยให้เครื่องใช้ไฟฟ้ามีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ซึ่งสามารถทำได้ง่ายๆ โดยการปิดหรือถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว
6. เลือกใช้บริการช่างไฟฟ้าที่มีความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์
หากพบว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าชำรุดเสียหายหรือระบบไฟฟ้าภายในบ้านมีปัญหา ให้หลีกเลี่ยงการแก้ไขด้วยตนเอง เพื่อความปลอดภัย จึงควรเลือกใช้บริการช่างไฟฟ้าที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ เพื่อให้มั่นใจว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือระบบไฟฟ้าภายในบ้าน จะมีประสิทธิภาพที่ดีสำหรับการทำงานต่อไป
สรุป
การดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้า คือ การทะนุถนอม การใช้อย่างระมัดระวัง ที่ไม่เพียงแต่จะช่วยให้เครื่องใช้ไฟฟ้ามีความพร้อมในการใช้งานอยู่เสมอและช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานเท่านั้น แต่ยังเป็นการป้องกันอันตรายที่จะเกิดจากระบบไฟฟ้าที่สามารถเกิดขึ้นทุกช่วงเวลา และทำให้การใช้เครื่องใช้ไฟฟ้ามีความปลอดภัยมากขึ้นด้วย นอกจากการการดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อไม่ให้ชำรุดแล้ว ยังสามารถป้องกันความเสี่ยงไม่ให้เครื่องใช้ไฟฟ้าเสียหายด้วยวิธีที่หลากหลาย เช่น การตรวจสอบสายไฟและปลั๊กไฟภายในบ้านอย่างสม่ำเสมอ การป้องกันไฟตก ไฟกระชาก ด้วยอุปกรณ์ป้องกันไฟกระชาก ซึ่งวิธีเหล่านี้นอกจากจะเป็นการดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อการใช้งานที่ยาวนานแล้ว ยังสามารถช่วยให้ระบบไฟฟ้าภายในบ้าน มีความปลอดภัยมากขึ้นด้วย




ความคิดเห็น